เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 15 ก.ย. พ.อ.สุรินท์ เจริญชีพ หัวหน้าชุดปฏิบัติการปราบปราม กอ.รมน.จังหวัดฉะเชิงเทรา พร้อมด้วย นายปรีดา บุญประคอง ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.บางน้ำเปรี้ยว นายตรีทิพย์ ศุภสุนทรกุล นักธรณีวิทยา ชำนาญการพิเศษ กรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและเหมืองแร่ และ ร.ต.ท.สุชาติ ปัญจมาต ร้อยเวรสอบสวน สภ.บางน้ำเปรี้ยว ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบยังโรงงานร้าง เลขที่ 3 หมู่ที่ 20 ต.ศาลาแดง อ.บางน้ำเปรี้ยว จ.ฉะเชิงเทรา หลังจากได้รับแจ้งจาก จ.ส.อ.สมศักดิ์ ลอยป้อม หัวหน้าชุดปฏิบัติการมวลชนที่ 2 รักษาความสงบที่ 9 กองพันเสนารักษ์ที่ 2 กองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ จ.ปราจีนบุรี ว่า มีการตรวจพบลังไม้บรรจุแร่หินต้องสงสัย เพื่อเตรียมส่งออกไปยังประเทศจีน จากการตรวจสอบพบแร่ดังกล่าวบรรจุอยู่ในลังไม้ จำนวน 16 ลัง มีน้ำหนักรวมทั้งสิ้นกว่า 18 ตัน
ซึ่ง นายตรีทิพย์ ศุภสุนทรกุล ระบุว่า แร่ดังกล่าวเป็นแร่ดิกไคต์ หรือชาวบ้านเรียกกันว่า หินสบู่ จะพบได้ใน 2 จังหวัดของประเทศไทย คือ จ.สระบุรี และ จ.นครนายก ซึ่งผู้ที่มีไว้ในครอบครอง หรือขนย้ายแร่ดังกล่าวจะต้องมีใบอนุญาตตามกฎหมาย โดยแร่ดิกไคต์จะซื้อขายกันอยู่ที่ราคากิโลกรัมละประมาณ 500 บาท ซึ่งแร่ที่ตรวจยึดได้ในครั้งนี้ มีมูลค่ารวมกว่า 9 ล้านบาท
จากการสอบสวน นายหูกั๊วหมิง อายุ 52 ปี สัญชาติจีน ได้รับสารภาพผ่านล่ามแปลภาษาจีนว่า ตนรับซื้อมาจากชาวบ้านที่จังหวัดสระบุรี ในราคากิโลกรัมละ 300 บาท แล้วได้ว่าจ้างรถบรรทุกขนย้ายแร่มาบรรจุใส่ลังเพื่อเตรียมส่งกลับประเทศจีน โดยว่าจ้างแรงงานชาวไทยให้นำหินบรรจุใส่ลังแล้วนำไปส่งที่ท่าเรือคลองเตย เป็นเงิน 5,000 บาท ซึ่งตนไม่ทราบว่าแร่ดังกล่าวผิดกฎหมาย เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนได้ให้เพื่อนสอบถามกับเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรแล้วว่า ไม่ผิดกฎหมาย ตนจึงเดินทางมารับซื้อด้วยตัวเองที่ประเทศไทย เพื่อจะนำไปตกแต่งบ้านที่ประเทศจีน ในเบื้องต้น พนักงานสอบสวนได้ดำเนินการตรวจยึดแร่ทั้งหมดไว้เป็นของกลาง พร้อมแจ้งข้อหากับนายหูกั๊วหมิง ในความผิดฐานมีแร่ที่ห้ามขนย้ายไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งจะได้ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป.
ข้อมูลจาก.ไทยรัฐ